“ทุ่งกะมัง แดนสวรรค์ของสัตว์ป่า”
คำพูดติกปากของเหล่าช่างภาพ wildlife และบรรดานักอนุรักษ์ ที่ว่าไปก็ไม่เกินจริงไปนัก ในที่นี้เราสามารถพบเนื้อทราย สัตว์ป่าที่เคยเกือบสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ไก่ฟ้าพญาลอ เก้ง,กวาง และนกอีกมากมายหลากหลายชนิด ซึ่งสัตว์ป่าที่นี่ไม่ค่อยตื่นกลัวคนซักเท่าไหร่ซึ่งเป็นเรื่องดีนะที่ทำให้เราคนธรรมดาๆ ทั่วๆไปจะได้เห็นโลกเห็นพฤติกรรมของสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด

การเดินทาง
ทุ่งกระมังตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียวจังหวัดชัยภูมิ ใช้เวลาขับรถจากกทม. ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 500 กม. แต่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 7-8 ชม. ที่นี่รถยนต์สามารถเข้าได้นะครับ แต่ไม่ค่อยแนะนำเนื่องจากช่วงถนนจากหน้าด่านเขตรักษาพันธ์ฯ เข้ามาถึงทุ่งกระมัง ถึงแม้จะเป็นถนนลาดยางตลอดแต่ถนนค่อนข้างแคบและเป็นหลุมเป็นบ่อใหญ่ๆ ขนาดรถกะบะยกสูงยังค่อยๆคลาน ขับสะเทือนนั่งหัวโยกกันเกือบ ชม.
บริเวณทางเข้า-ด่านเก็บเงินเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว เราจะพบรูปปั้นครอบครัวกระซู่ 3ตัว กระซู่เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่สูญพันธุ์ไปจากบ้านเราเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีข่าวลือว่าเจอร่องร่อยเจอมูลที่ป่าภูเขียวแห่งนี้ แต่ก็ไม่พบหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการ และในทั่วโลกมีเหลือไม่ถึง 100 ตัว ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย ถ้าพวกเราเห็นถึงความสำคัญของเจ้ากระซู่ได้เร็วกว่านี้ ป่านนี้คงมีหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติบ้าง

สิ่งอำนวยความสะดวก
ทุ่งกะมังมีบ้านพัก และร้านอาหารร้านค้าคอยบริการ สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์มีให้ใช้จุดเดียว คือบริเวณที่ทำการ และน่าจะเป็นค่าย AIS ค่ายเดียวที่ใช้ได้ (ณ ปี2563)ห้องพักที่นี่อารมเหมือนค่ายลูกเสือห้องพักรวมสภาพเก่านิดนึง ไม่มีไฟฟ้า และประปา มีเพียงแสงไฟจากโซลาร์เซลในช่วงหัวค่ำ และน้ำบาดาลฉะนั้นคนที่เข้ามาพักที่นี่ต้องสำรวจตัวเองนิดนึงนะครับ ว่ารับสภาพความเป็นอยู่ได้หรือไม่ส่วนตัวผมแนะนำให้กางเต็นท์นอนจะได้อรรถรสกว่า จริงๆอากาศที่นี่ในกลางคืนเย็นมาก นอนสบาย ยิ่งถ้ามาในช่วงหนาวจัดๆ กลางคืนมี 6-7 องศา อันนี้เริ่มนอนไม่สบายละ หนาวเกิน


ลานกางเต็นท์
บริเวณลานกางเต็นท์มีจุดให้กางหลักๆ 2 ฝั่ง ฝั่งหน้าบ้านพัก และฝั่งลานกางเต็นท์ลานไม่กว้างมาก แต่ผมไปทีไรก็ไม่เคยเต็มหรือแน่นน่ะ ขนาดไปวันหยุดยาวช่วงที่คนนิยมกางเต็นท์กันในสมัยนี้ยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะ ถ้าเดินทางมาในช่วงหน้าฝนต้องระวังทาก ทากที่นี่ค่อนข้างดุ ขนาดผมไปช่วงหน้าหนาวดินแห้งๆ ยังไม่รอดเจอดูดเลือดซิปๆ
ข้อควรระวังตอนกางเต็นท์ที่นี่อีกอย่างนึงคือเรื่องของสตัว์ป่าโดยเฉพาะกวางครับ ในสมัยก่อนกวางที่นี่ไม่ค่อยกวนไม่ค่อยเข้ามารื้อของกินในเต็นท์ซักเท่าไหร่ แต่ผมไปเมื่อล่าสุดเมื่อปี 2563 เริ่มมีเข้ามารื้อของกินในเต็นท์ ยิ่งตอนดึกๆยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ น้องเล่นยกพวกกันมาทั้งฝูงมีทั้งเม่น ทั้งหมูป่า ฉะนั้นควรเก็บอาหารให้ดีๆ โดยเฉพาะถุงใส่ขยะน่าเป็นห่วงมากสัตว์ป่าเข้ามาคุ้ยเข้ามากินพลาสติกไปไม่รู้เท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้ในกลางคืนลงทุนลงแรงหน่อยควรยกไปเก็บใว้ในรถเลยครับ



ไฮไลท์ทุ่งกะมัง
ไฮไลท์ของที่นี่คือช่วงเช้าตรู่ 6.00-8.00 น. ที่ทุ่งกะมัง ภาพที่เนื้อทรายที่ออกหากินเป็นฝูงใหญ่ๆ กลางทุ่งกะมังอย่างสบายใจ มีหมอกจางๆ ริ้วๆ เป็น background ข้างหลัง ซึ่งที่นี่นอกจากจะเป็นสวรรค์ของสัตว์ป่าแล้ว ยังเป็นสวรรค์ของบรรดานักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ Wildlife อีกด้วยครับ ทะเลหมอกที่นี่ถึงแม้ไม่ใช่วิวทะเลหมอกที่เราเคยเห็นเคยชินจากบนยอดดอยยอดภู ที่นี่จะได้เห็นเป็นภาพทะเลหมอกที่ลอยอยู่ในทุ่ง จะว่าไปก็ดูสวยงามอลังการแปลกตาดีน่ะ
ช่วงเช้าๆ เราสามารถเอาเก้าอี้โต๊ะเล็กๆ ไปนั่งกินกาแฟดูทะเลหมอกที่บริเวณรอบๆทุ่งกะมังได้นะครับ แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณป้ายหรือบริเวณจุดชมวิวนิดนึง ถอยออกมาให้ไกลหน่อยนักท่องเที่ยวท่านอื่นจะได้ชมวิว ถ่ายรูปสวยๆ




ที่นี่เหมาะกับการปั่นจักรยานในระยะสั้นๆ มีเส้นทางปั่นระยะสั้นประมาณ 2-3 กม. จากจุดบริการนั่งท่องเที่ยวไปทุงกะมั้ง วิวสองข้างทางสวยงาม อากาศเย็นๆ ไม่มีควันรถ ไม่มีมลพิษ
สำหรับคนที่ชอบถ่าย Wildlife ไม่ควรพลาด”บ่อน้ำมหัศจรรย์” เป็นบ่อน้ำที่ จนท.สร้างขึ้นมีซุ้มบังไพร์ให้ถ่ายรูปสัตว์ป่า โดยเฉพาะนกที่เข้ามาให้เห็นเป็นนายแบบกันทั้งวัน การเข้าไปเยี่ยมชมต้องติดต่อลงชื่อจองกับ จนท.ก่อนนะครับ เนื่องจากบ่อมีขนาดเล็ก นั่งได้ประมาณ 3-4 คน แล้วจะมี จนท.เดินพาเข้าไป




อย่างที่บอกครับ ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสวรรค์ของสัตว์ป่า แต่ยังเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ ชอบการตั้งแคมป์ ชื่นชอบการถ่ายภาพ นักท่องเที่ยวเองก็ควรจะรักษาสรรค์ผืนนี้ใว้ให้เกียรติธรรมชาติและสัตว์ป่าง่ายๆ โดยการไม่เข้าไปรบกวนสัตว์ในระยะประชั้นชิดมากเกินไป ไม่ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องขย่ะ ไม่ถึงขยะลงในพื้นที่ โดยเฉพาะพลาสติกเก็บกลับมาให้หมด พลาสติกชิ้นเล็กๆหนึงมันอาจกลายเป็นนรกของสัตว์ตัวนึง เมื่อมันเผลอกลืนกินเข้าไปได้นะครับ
