“ช้างป่าควรอยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างเพียงพอ การปฏิบัติคือให้ไปสร้างอาหารช้างในป่าเป็นแปลงเล็กๆ และกระจาย กรณีช้างป่าออกมาที่ชายป่า ต้องให้ความปลอดภัยกับช้างป่า”
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อการจัดการความขัดแย้งคนกับช้างป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

กว่าจะเป็นกุยบุรี
ในอดีตเดิมทีบนพื้นที่แห่งนี้ มีข่าวการขัดแย้งกันระหว่างคนกับช้างเกิดขึ้นบ่อยๆ ช้างถูกล่าเอางา ถูกยิง ถูกวางยา ไฟช็อตล้มลงหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็เป็นชาวบ้านเองที่ถูกช้างป่าทำร้าย เนื่องจากปัญหาของพื้นที่อยู่อาศัยของช้างกุยบุรีลดน้อยลง ถูกถางและบุกรุกเป็นพื้นที่เกษตร เป็นเหตุที่ทำให้ช้างออกมาหากินและทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านจนเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์มาตลอด
หลังจากนั้น “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเน้นไปที่การฟื้นฟูพื้นที่โดยรอบอุทยานที่เคยเป็นพื้นที่การเกษตร ปลูกพืชซึ่งเป็นอาหารของสัตว์ป่าทดแทน และสร้างแหล่งน้ำโป่งเทียม ทำให้สัตว์ป่าไม่ออกไปรบกวนพื้นที่ของชาวบ้าน นับแต่นั้นความขัดแย้งกระทบกระทั่งระหว่างคนกับช้างจึงลดลง และนำไปสู่กำเนิดอาชีพใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชน นั่นคือการพานักท่องเที่ยวนั่งรถไปดูช้างป่าและกระทิงแห่งกุยบุรีนั่นเอง


เตรียมความพร้อม
สำหรับการเข้าไปเยี่ยมชมช้างป่ากุยบุรี นักท่องเที่ยวต้องมาติดต่อที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ชำระค่าเข้าอุทยานก่อนคนล่ะ 40 บาท ไม่สามารถขับรถเข้าไปชมได้ด้วยตนเอง(ในสมัยก่อนสามารถทำได้ครับ) จะมีรถและไกด์ชุมชนของชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรีนำพวกเราเข้าไปราคาเหมาคันล่ะ 850 บาทขึ้นได้ประมาณ 8 ท่านต่อ 1 คัน เริ่มเปิดให้ชมตั้งแต่ช่วง 14:00-18:30
การเตรียมความพร้อมและการแต่งการ ควรทานอาหารให้เรียบร้อย และพกหมวกไปด้วยครับ เนื่องจากเราต้องอยู่กลางแจ้งแทบจะตลอดเวลาที่ชม ถ้าให้ดีควรแต่งกายในโทนสีเอิร์ธโทน (น้ำตาล ครีม เขียว ) เพื่อเป็นการพรางตัวให้สัตว์ป่าไม่ตื่นตกใจ และไม่ควรส่งเสียงดังขณะอยู่พื้นที่เยี่ยมชม ท่านใดมีกล้องส่องทางไกลควรพกไปด้วยครับ บางทีสัตว์ป่าอยู่ไกลมาก ถ้าไม่มีทางชมรมมีกล้องส่องทางไกลให้เช่าอันล่ะ 100 บาท


รถขับไปเรื่อยๆ นำเราไปดูสัตว์ในจุดต่างๆ พร้อมไกด์หลังรถที่อยู่กับเราจะคอยอธิบายความเป็นมาของพื้นที่นีเล่าถึงพฤติกรรมของสัตว์ต่างๆที่เราได้เจอ สัตว์ไฮไลท์ของที่นี่ ที่คิดว่าได้เจอแน่ๆคือช้างป่าครับ พฤติกรรมของช้างจะออกหากินทั้งวัน ทำให้เราค่อนข้างพบได้บ่อยโดยเฉพาะที่บริเวณโป่งสลัดได
สัตว์อีกชนิดที่มีโอกาสพบได้ในช่วงเย็นๆหน่อย คือกระทิง กระทิงจะชอบหากินในช่วงเย็นส่วนใหญ่จะพบเป็นฝูง ฝุงนึงมีตั้งแต่ 10-30 ตัว เคยมีคนพบมากถึง 50 ตัวในฝูงเดียว




สำหรับท่านที่ชอบดูนก ที่นี่ก็มีให้ชมเยอะ นกจาบคาหัวส้มพบได้บ่อยมาก นกเงือกโดยเฉพาะนกแก๊กก็พบเจอได้บ่อยๆ




สำหรับการพักแคมค้างคืนที่นี่มีบ้านพักบริการที่หน่วยป่ายาง 2 หลัง เข้าพักได้ประมาณ 6-10 ท่าน หลังละ 1500 บาทต่อคืนต้องทำการจองโดยตรงกับอุทยานกุยบุรีเท่านั้น มีไฟฟ้า(จากแผงโซล่าเซล)และห้องน้ำให้บริการ แต่ต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มมาเองนะครับ ที่นี่ไม่มีขาย และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ถ้าจะพักแรมต้องเตรียมตัวล่วงหน้าและทำใจให้พร้อมซักนิดนึง ที่สำคัญในช่วงค่ำมืดห้ามเดิมออกนอกบ้านพักเด็ดขาดครับ อาจจะได้รับอันตรายจากช้างป่าได้ เนื่องจากช้างและกระทิงหากินบริเวณบ้านพักเราตลอดเวลา ( อัพเดทในปี 2024 ตอนนี้บ้านพักปิดให้บริการแล้วนะครับ)
กิจกรรมสำหรับคนที่มาพักที่นี่ เราจะได้ไปดูช้างและกระทิงในช่วงเช้าตรู่ จนท.จะพาเราไป บรรยากาศดีมากครับ แตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไปที่เข้ามาดูได้เฉพาะช่วงบ่ายๆเย็นๆ ซึ่งเรามีโอกาสที่จะได้เห็นสัตว์ที่ออกหากินในช่วงเช้าได้ค่อนข้างสูง อย่างนกเงือก กวางป่า วัวแดง ไก่ฟ้าหน้าเขียวฯลฯ


สำหรับคนที่ชอบและรักธรรมชาติ(จริงๆ) และชื่นชอบการถ่ายรูปสัตว์ป่าการค้างคืนที่นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆครับ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ไม่มีเสียงรถเสียงราเสียงนักท่องเที่ยวมารบกวน
ได้นอนฟังเสียงช้างร้อง เสียงหายใจกระทิงที่เหมือนกับว่ามันมายืนอยู่ข้างๆหู (แอบหลอนนิดๆ) ได้เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ดูนกดูไม้ มองไปที่ทุ่งหญ้าไกลๆดูช้างดูกระทิง ไม่ต้องก้มหน้าดูแต่จอมือถือแคบๆ ( เพราะมันไม่มีสัญญาณ ) สำหรับส่วนตัวผมชอบที่นี่มาก จะมาใหม่ในครั้งที่ 2-3 แน่นอนครับ
